มาทำความรู้จักไข่ผำ ซูเปอร์ฟู้ด ที่ควรลอง

“ไข่ผำ” อาจฟังแล้วไม่คุ้น แต่สำหรับคนอีสานน่าจะคุ้นเคยกับพืชน้ำชนิดนี้เพราะมีหลายๆเมนูที่ใช้ไข่ผำประกอบอาหาร พืชน้ำชนิดดูแล้วคงไม่ต่างจากพืชผักใบเขียว แต่คุณทราบไหมว่ามันมีคุณค่าทางโภชนาการสูงจนจะถูกยกให้เป็นซุปเปอร์ฟู้ดของไทยเลยทีเดียว

มารู้จักไข่ผำ 

“ไข่ผำ” “ผำ” หรือ “ไข่น้ำ” เป็นพรรณไม้น้ำประเภทลอยน้ำขนาดเล็กในวงศ์ Lemnaceae พบในแหล่งหนองบึงหรือแหล่งน้ำขัง รูปร่างเป็นเม็ดสีเขียวกลมหรือเกือบกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-1.5 มิลลิเมตร ไม่มีราก เป็นพืชที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก สามารถพบได้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ และนิยมเพาะเลี้ยงในภาคอีสารและภาคเหนือบางส่วนที่มีคนบริโภค เช่น เช่น ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม กำแพงเพชร อุทัยธานี ลำปาง เชียงใหม่ เป็นต้น 

โภชนการของไข่ผำ 

ไข่ผำ 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 8 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย เส้นใย 0.3 กรัม แคลเซียม 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม เหล็ก 6.6 มิลลิกรัม และยังมีวิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง วิตามินซี ไนอะซิน และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด เช่น ลิวซีน ไลซีน วาลีน ฟีนิวอลานีน ธีโอนีน ไอโซลิวซีน และมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก คลอโรฟิลล์ในไข่ผำ เป็นสารสีเขียวที่พบในพืช โครงสร้างมีลักษณะคล้ายฮีมที่อยู่ในฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเลือด และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ(antioxidant) มากกว่าในสาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งใช้รักษาอาการท้องผูก รักษาสภาวะซีดในคนที่เป็นโรคโลหิตจางได้ มีปริมาณโปรตีนในระดับเดี่ยวกับเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช มีเส้นใยสูง มีปริมาณกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ต่างกับไข่ไก่ สาหร่ายเกลียวทอง และคลอเรลล่า  

การนำประกอบอาหาร 

ไข่ผำโดยปกติจะมีมากในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่มีน้ำไหลเวียน ก่อนนำไปปรุงทำอาหารต้องล้างให้สะอาดเสมอ ไข่ผำ มักถูกนำไปประกอบอาหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น แกงอ่อม แกงคั่ว หรือผัด บางที่ก็ใส่เป็นส่วนประกอบของอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติให้มีความหอม มัน อร่อย มากยิ่งขึ้น เช่น การนำไข่ผำใส่ในไข่เจียว ไข่ตุ๋น เป็นต้น 

ข้อควรระวังในการบริโภค 

เนื่องจากไข่ผำพบในแหล่งน้ำนิ่งตามธรรมชาติ อาจมีโอกาสปนเปื้อนสารเคมี ฆ่ายาแมลงที่มากับน้ำ ดังนั้นหากต้องการบริโภคควรซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ จะได้ไข่ผำที่สะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค 

ไข่ผำถือว่าเป็นพืชขนาดเล็กที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงเมื่อเทียบกับอาหารประเภทอื่นๆ จะเรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋วก็ได้ แต่เนื่องจากยังเป็นพืชที่รู้จักของคนกลุ่มเล็กๆเท่านั้น หาทานได้ยาก อาจจะต้องไปตามแหล่งที่มีคนบริโภคไข่ผำ แต่ถ้ามีโอกาสก็ไม่ควรพลาดลิ้มลองไข่ผำคะ