คงไม่มีใครอยากจะเจ็บป่วย เป็นโรคกันทั้งนั้น แต่ด้วยสภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปตามกระแสโลก ทำให้คนเราเจ็บป่วยกันง่ายขึ้น อย่างล่าสุดมีข่าวเกี่ยวกับ “โรควัณโรคเทียม” ซึ่งความรุนแรงไม่แพ้กับโรควัณโรคเลย วันนี้เลยนำข้อมูลเกี่ยวกับโรควัณโรคเทียมมาฝาก ทั้งการติดต่อ การรักษาและการป้องกัน
โรควัณโรคเทียมคือโรคอะไร
วัณโรค (Tuberculosis หรือ TB) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis จัดอยู่ในกลุ่ม Mycobacterium tuberculosis complex เกิดได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่ปอด ปอด
เชื้อ Mycobacterium แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
1) Mycobacterium tuberculosis complex (MTBC) เป็นสาเหตุของวัณโรคในคนและสัตว์
2) Nontuberculous mycobacteria (NTM) หรือวัณโรคเทียม ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 140 สายพันธุ์ เชื้อมัยโคแบคทีเรียที่ไม่ก่อโรควัณโรค มักก่อโรคในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมีอุบัติการณ์ของการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา*
3) Mycobacterium leprae เชื้อมัยโคแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเรื้อน
การติดเชื้อวัณโรคเทียม (NTM)
เชื้อมีการกระจายตัวอยู่ในธรรมชาติสูงทั้งในดิน และน้ำ การติดเชื้อเกิดขึ้นเมื่อเราหายใจเข้าไปหรือมีบาดแผลที่สัมผัสกับเชื้อ แต่มันไม่แพร่จากคนสู่คนเหมือนวัณโรคทั่วไป คนที่มีปอดปกติเมื่อหายใจเอาเชื้อวัณโรคเทียมเข้าไป จะไม่ก่อให้เกิดโรค แต่คนที่มีโรคปอดอยู่แล้ว หรือโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ที่มีความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ที่ติดเชื้อ HIV ผู้สูงอายุ ผู้ที่เคยป่วยเป็นวัณโรค โดยการติดเชื้อนี้จะมีผลต่อการเกิดโรคที่บริเวณปอด ต่อมน้ำเหลือง หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมทั้งผิวหนัง
อาการวัณโรคเทียม
สำหรับผู้ป่วยวัณโรคเทียม จะมีอาการคล้ายผู้ป่วยวัณโรคเนื่องจากการติดเชื้อส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่ปอด อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ไข้ ไอเรื้อรังไม่ทราบสาเหตุ เหนื่อยง่าย เสมหะเป็นเลือด น้ำหนักลด เบื่ออาหาร เหงื่อออกในตอนกลางคืน อ่อนเพลีย นอกจากนี้ยังพบอาการอื่นๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการติดเชื้อ เช่น ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ หรือขาหนีบ ผื่นผิวหนัง ฝี หรือแผลเรื้อรัง เป็นต้น
การป้องกัน
1.ล้างมือให้สะอาดหลังทำกิจกรรมที่สัมผัสกับดินหรือน้ำ
2.สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
3.หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง
การรักษา
การรักษาอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะหลายชนิด และระยะเวลารักษาอาจนานหลายเดือน การตรวจวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
หากสังเกตตัวเองว่ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปตรวจหาการป่วยเป็นวัณโรคโดยเร็ว ด้วยการเอกซเรย์ปอดและการตรวจเสมหะ เพื่อเข้าสู่กระบวนการการรักษาตามมาตรฐาน