การทดสอบแพ้อาหารคืออะไร เหมาะสมกับใครบ้าง

หลายๆคนมีปัญหากับอาหาร เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้ การแพ้อาหารจะมีอาการเริ่มต้นคือเป็นผื่นตามตัว ไปจนถึงขั้นรุนแรงคือเสียชีวิต ปัจจุบันมีการทดสอบการแพ้อาหาร  (Oral Food Challenge Test) กับแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ เพื่อทำให้เราทราบว่าแพ้อะไรและสามารถหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่แพ้ได้

การทดสอบการแพ้อาหาร คืออะไร 

การทดสอบการแพ้อาหาร (Oral Food Challenge Test) คือ การให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่สงสัยว่าทำให้เกิดอาการแพ้ โดยให้ผู้ป่วยลองรับประทานอาหารที่สงสัยเริ่มจากปริมาณน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณ เพื่อดูปฏิกิริยาการแพ้ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการยืนยันการวินิจฉัยโรคที่น่าเชื่อถือมากที่สุด แต่ผู้ป่วยอาจจะเกิดปฏิกิริยาการแพ้รุนแรงได้ระหว่างที่ทำการทดสอบจึงต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางภูมิแพ้และต้องทำการทดสอบในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์ ยา และเครื่องมือในการรักษาแบบครบครัน 

อาหารที่พบบ่อยว่าทำให้เกิดอาหารแพ้ได้แก่ 

1.แป้งสาลีและกลูเต็น 

2.นม 

3.ไข่ 

4.ถั่วเหลือง 

5.ถั่วลิสง 

6.ถั่วตระกูล Tree Nuts เช่น อัลมอนด์ วอลนัท มะม่วงหิมพานต์ แมคคาเดเมีย พิสตาชิโอ ฯลฯ 

7.สัตว์น้ำเปลือกแข็ง เช่น กุ้ง ปู หอย หมึก ฯลฯ 

8.ปลา 

9.ผักและผลไม้ อาจเกิดอาการแพ้ที่ริมฝีปากและในลำคอ 

ผู้ที่เหมาะกับการทดสอบแพ้อาหาร 

  • ผู้ที่เคยทานอาหารได้ แต่ต่อมาถูกวินิจฉัยว่าแพ้อาหารและต้องการพิสูจน์ว่าแพ้หรือไม่
  • ผู้ที่เคยตรวจจากผลเลือดว่าแพ้อาหาร แต่ไม่มีอาการ
  • ผู้ที่สงสัยว่าตนเองแพ้อาหาร แต่มีอาการแสดงไม่ชัดเจน
  • ผู้ที่เคยมีประวัติยืนยันว่าแพ้อาหาร แต่ต้องการรู้ว่าหายแล้วหรือยัง  

วิธีทดสอบการแพ้อาหาร 

วิธีทดสอบอาการแพ้อาหาร (Oral Food Challenge) เบื้องต้น ได้แก่ 

1.การทดสอบทางผิวหนัง (Skin Prick Tests) ผู้ป่วยต้องไม่มีอาการเจ็บป่วยอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนวันที่ทำการทดสอบ และงดรับประทานยาแก้แพ้ 1 สัปดาห์ ก่อนวันที่ทำการทดสอบ เมื่อทดสอบแล้วสามารถทราบผลได้ภายใน 15-20 นาที (ในกรณีที่มีอาการแพ้รุนแรงจะสามารถทดสอบได้หลังจากมีอาการ 1 เดือน)  

2.การตรวจเลือด (Blood Test For Specific IgE)  ไม่ต้องงดยาแก้แพ้ก่อนการทดสอบ เมื่อทดสอบแล้วสามารถทราบผลได้ภายใน  3-5 วันทำการ  

การแพ้อาหารอาจเกิดจากพันธุกรรมหรือเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเราโตก็เป็นได้ การทดสอบการแพ้อาหารจึงการยืนยันที่ดีว่าคุณแพ้อาหารชนิดใดบ้าง รุนแรงมากน้อยเพียงใด จะได้หลีกเลี่ยงและทำการรักษาอย่างถูกวิธี อย่าปล่อยให้ร่างกายแพ้อาหารรุนแรงอาจเสี่ยงต่อชีวิตได้